วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554

คีย์ลัดของ Windows และ MS office


Shortcut Key ของ Windows  เพื่อให้ทำงานได้เร็วขึ้น
Alt + F >          ใช้เปิด file ในโปรแกรมต่างๆ
Alt + F4
>        ปิดโปรแกรม / ปิด windows (shut down)
Alt + Esc >      ใช้เลือกหน้าต่างที่เปิดไว้มากๆโดยวนไปรอบๆ
Alt + TAB
>    เลือกหน้าต่างอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องใช้ mouse
Alt + Print Screen > ใช้ Copy หน้าต่างที่เปิดล่าสุดไปไว้ที่คลิปบอร์ดก่อน แล้วนำไป   Paste ในโปรแกรมต่างๆ ได้
A+ Spacebar >  แสดงเมนูระบบหน้าต่างปัจจุบันของ
Ctrl + A >       ไฮไลต์ไฟล์ หรือข้อความทั้งหมด
Ctrl + C >        ก๊อปปี้ไฟล์ หรือข้อความที่เลือกไว้
Ctrl + Q >      ใช้ออกจากโปรแกรมใดๆ ก็ได้
Ctrl + X >     ตัด (cut) ไฟล์ หรือข้อความที่เลือกไว้
Ctrl + V >    วาง (paste)    หรือข้อความที่ก๊อปปี้ไว้
Ctrl + Z >    ยกเลิก การกระทำที่ผ่านมาล่าสุด
Ctrl+ C Copy > ได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ข้อความ file ... ปุ่ม
Ctrl + คลิ๊กเมาส์  > เป็นการเลือก(select)file มากว่า1 โดยกดctrl ค้างไว้
Delete > ใช้ลบสิ่งต่างๆ file ข้อความ
shift > ค้างไว้ขณะใส่แผ่น Cd ยกเลิก autorun.
shift  >  + คลิกแสดงเมนูทางลัดที่ประกอบด้วยคำสั่งอื่น
shift  >  + คลิกสองครั้ง การเรียกใช้คำสั่งเริ่มต้นสำรอง (รายการที่สองในเมนู)
shift  + delete  >  ลบรายการทันทีโดยไม่ได้วางไว้ในถังรีไซเคิล
shift + ลูกศร หรือ เมาส์ >  เป็นการเลือก(select) เพิ่มจากเดิม
shift + shut down
> ( alt+F4) restart windows ให้กด shiftค้างไว้
ปุ่ม Windows   ถ้าใช้เดี่ยว ๆ จะเป็นการแสดง Start Menu
ปุ่ม Windows + D  ย่อ/ยกเลิก ขนาดหน้าต่างทั้งหมดลงมาเพื่อให้เห็น Desktop
ปุ่ม Windows + E   เปิด windows explorer
ปุ่ม Windows + F  เปิด Search for files
ปุ่ม Windows + U  เปิด Utility Manager
ปุ่ม Windows + M ย่อขนาดหน้าต่างทั้งหมดลงมาเพื่อให้เห็น Desktop
ปุ่ม Windows + F1 เปิด  Help and Support Center
ปุ่ม Windows + break  เปิดไดอะล็อคบ็อกซ์ System Properties
ปุ่ม Windows + tab  สลับไปยังปุ่มต่าง ๆ บน Taskbar
ปุ่ม Windows + Ctrl+F เปิด Search for Computer
ปุ่ม Windows + shift + M  ทำให้หน้าต่างที่ย่อกลับสู่สภาพเดิม เรียกคืนหน้าต่างที่ถูกย่อลงไปทั้งหมด
Key Windows + R > เปิดไดอะล็อคบ็อกซ์ RUN

แถมฟังก์ชั่น


    ปุ่ม “F” ต่างๆ ที่คุณพูดถึงมีชื่อเรียกว่า ปุ่มฟังก์ชัน (Function Keys) ซึ่งในอดีตโปรแกรมต่างๆ บนระบบปฏิบัติการ DOS จะใช้ปุ่มพวกนี้เป็นทางลัดในการเรียกฟังก์ชันการทำงานต่างๆ มากมาย แตกต่างกันไปตามลักษณะของโปรแกรม พวกมันช่วยให้การใช้งานโปรแกรมสะดวกรวดเร็วมาก ซึ่งในอดีตเรายังไม่มีเมาส์ให้ใช้กันอย่างทุกวันนี้ ทุกอย่างจึงต้องพึ่งคีย์บอร์ด จะว่าไปแล้ว ปุ่มฟังก์ชันก็เปรียบเสมือนทางลัดในการเข้าถึงฟังก์ชันการทำงานต่างๆ ได้โดยตรง แทนที่จะต้องกดหลายๆ ปุ่ม เพียงเพื่อเข้าถึงฟังก์ชันใดฟังก์ชันหนึ่งของโปรแกรมนั่นเอง
มี หลายโปรแกรมอยู่เหมือนกันที่ยังคงใช้ปุ่มฟังก์ชันเหล่านี้ แต่ที่ใช้เหมือนกัน และพบเห็นบ่อยๆ ก็เช่น F1 สำหรับเรียก ส่วนช่วยเหลือ (Help) ในส่วนของการ Setup ก็ยังคงมีการใช้ฟังก์ชันคีย์พวกนี้ ในกรณีที่เมาส์ไม่ทำงาน สำหรับในกรณีของ Microsoft Word ที่คุณพูดถึงนั้น คุณสามารถใช้ปุ่มฟังก์ชันได้ทุกปุ่ม เพื่อการใช้งานคำสั่งพื้นฐานต่างๆ ซึ่งมีดังนี้

F1 – เรียก  Help หรือ Office Assistant
F2 - ย้ายข้อความ หรือกราฟิกต่างๆ
F3 - แทรกข้อความอัตโนมัติ (AutoText)
F4 - ทำซ้ำสำหรับแอคชั่นการทำงานล่าสุดของผู้ใช้
F5 - เลือกคำสั่ง Go To (เมนู Edit)
F6 - กระโดดไปยังกรอบหน้าต่างถัดไป
F7 - เลือกคำสั่งตรวจสอบคำสะกด (Spelling ในเมนู Tools)
F8 - ขยายไฮไลต์ของการเลือกข้อความ
F9 - อัพเดตฟิลด์ต่างๆ ที่เลือก
F10 - กระโดดไปเมนูบาร์
F11 - กระโดดไปยังฟิลด์ถัดไป
F12 - เลือกคำสั่ง Save As (เมนู File)

 
 คีย์ลัด Microsoft office


CTRL + A = Select All เลือกทั้งหมด
CTRL + B = Bold ตัวหนา
CTRL + C = Copy คัดลอก
CTRL + D = Font format กำหนดรูปแบบอักษร
CTRL + E = Center ตรงกลาง
CTRL + F = Find ค้นหา
CTRL + G = Goto ไปที่
CTRL + H = Replace แทนที่
CTRL + I = Italic ตัวเอียง
CTRL + J = Justify จัดชิดขอบ
CTRL + K = Insert Hyper Link แทรกการเชื่อมโยงหลายมิติ
CTRL + L = Left จัดชิดซ้าย
CTRL + M = Indent เพิ่มระยะเยื้อง
CTRL + N = New สร้างแฟ้มใหม่
CTRL + O = Open เปิดแฟ้มใหม่
CTRL + P = Print พิมพ์
CTRL + Q = Reset Paragraph ตั้งค่าย่อหน้าใหม่
CTRL + R = Right จัดชิดขวา
CTRL + S = Save จัดเก็บ (บันทึก)
CTRL + T = Tab (ตั้งระยะแท็บ)
CTRL + U = Underline ขีดเส้นใต้
CTRL + V = Paste วาง
CTRL + W = Close ปิดแฟ้ม
CTRL + X = Cut ตัด
CTRL + Y = Redo or Repeat ทำซ้ำ
CTRL + Z = Undo ยกเลิกการกระทำครั้งล่าสุด
CTRL + SHIFT + A = All Caps ทำเป็นตัวใหญ่ทั้งหมด (สำหรับภาษาอังกฤษ)
CTRL + SHIFT + B = Bold ตัวหนา
CTRL + SHIFT + C = Copy Format คัดลอกรูปแบบ
CTRL + SHIFT + D = Double Underline ขีดเส้นใต้ 2 เส้น
CTRL + SHIFT + E = Revision Mark Toggle สลับการทำเครื่องหมายรุ่นเอกสาร
CTRL + SHIFT + F = Fonts Name Select เลือกชื่อแบบอักษร
CTRL + SHIFT + G = Word count นับจำนวนคำ
CTRL + SHIFT + H = Hidden ซ่อน
CTRL + SHIFT + I = Italic ตัวเอียง
CTRL + SHIFT + J = Thai Justify จัดคำแบบไทย
CTRL + SHIFT + K = Small Caps ทำอักษรตัวพิมพ์เล็กให้เป็นตัวพิมพ์ใหญ่แบบเล็กๆ
CTRL + SHIFT + L = Apply List Bullet ใช้เครื่องหมายหน้าข้อ
CTRL + SHIFT + M = Unindent ลดระยะเยื้อง
CTRL + SHIFT + N = Normal Style ใช้ลักษณะแบบปกติ
CTRL + SHIFT + O = N/A
CTRL + SHIFT + P = Font Size Select เลือกขนาดแบบอักษร
CTRL + SHIFT + Q = Symbol Font ใช้แบบอักษรสัญลักษณ์
CTRL + SHIFT + R = Recount Words นับคำใหม่
CTRL + SHIFT + S = Style กำหนดลักษณะ
CTRL + SHIFT + T = Unhang ไม่แขวนภาพ
CTRL + SHIFT + U = Underline ขีดเส้นใต้
CTRL + SHIFT + V = Paste Format วางรูปแบบ
CTRL + SHIFT + W = Word Underline ขีดเส้นใต้เฉพาะคำ
CTRL + SHIFT + X = N/A
CTRL + SHIFT + Y = N/A
CTRL + SHIFT + Z = Reset Character ตั้งค่าแบบอักษรใหม่

CTRL + ALT + A = N/A
CTRL + ALT + B = N/A
CTRL + ALT + C = Copyright sign ((c)) สัญลักษณ์ลิขสิทธิ์
CTRL + ALT + D = N/A
CTRL + ALT + E = Euro Sign (?) สัญลักษณ์เงินยูโร
CTRL + ALT + F = Insert Footnote Now แทรกหมายเหตุ
CTRL + ALT + G = N/A
CTRL + ALT + H = N/A
CTRL + ALT + I = Print Preview ตัวอย่างก่อนพิมพ์
CTRL + ALT + J = N/A
CTRL + ALT + K = Auto Format จัดรูปแบบอัตโนมัติ
CTRL + ALT + L = Insert List Number แทรกเลขลำดับหน้าข้อ
CTRL + ALT + M = Insert Annotation แทรกคำอธิบาย
CTRL + ALT + N = Normal View มุมมองปกติ
CTRL + ALT + O = Outline View มุมมองแบบร่าง
CTRL + ALT + P = Page View มุมมองเหมือนพิมพ์
CTRL + ALT + Q = N/A
CTRL + ALT + R = Registered sign สัญลักษณ์เครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียน
CTRL + ALT + S = Document Split แยกเอกสาร
CTRL + ALT + T = Trade Mark sign (?) สัญลักษณ์เครื่องหมายการค้า
CTRL + ALT + U = Update Auto Format for Table ปรับปรุงการจัดรูปแบบอัตโนมัติในตาราง
CTRL + ALT + V = Insert Auto Text แทรกข้อความอัตโนมัติ
CTRL + ALT + W = N/A
CTRL + ALT + X = N/A
CTRL + ALT + Y = Repeat find ค้นหาเพิ่มเติม
CTRL + ALT + Z = Go back ย้อนกลับ


Special Keys
CTRL + < = Decrease Font size by step เพิ่มขนาดตัวอักษรทีละขนาดที่กำหนด
CTRL + > = Increase Font size by step ลดขนาดตัวอักษรทีละขนาดที่กำหนด
CTRL + [ = Decrease Font size by point เพิ่มขนาดตัวอักษรทีละพอยน์
CTRL + ] = Increase Font size by point ลดขนาดตัวอักษรทีละพอยน์
CTRL + - = Optional Hyphen แทรกยัติภังค์
CTRL + _ = Non Breaking Hyphen แทรกยัติภังค์แบบไม่แบ่งคำ
CTRL + = = Sub Script ตัวห้อย
CTRL + + = Super Script ตัวยก
CTRL + \ = Toggle Master sub document สลับไปมาระหว่างเอกสารหลักและเอกสารย่อย
CTRL + , = Prefix Keys กำหนดแป้นพิมพ์






วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เทคนิคการใช้งานระบบ MS windows xp ช่วยให้ใช้ทำงานได้ง่ายขึ้น


       
           การใช้งานวินโดวส์ (windows  xp)
             Windows  นั้นจะถูกอ่านจากฮาร์ดดิสก์ แล้วนำไปเก็บไว้แรม โดยเลือกอ่านไฟล์ที่จำเป็นก่อน  เช่น วัน และเวลา จะได้ยินเสียงฮาร์ดดิสก์ทำงาน ซึ่งเป็นเสียงหัวอ่านข้อมูล  ขั้นตอนสุดท้ายของการตรวจสอบ Windows คือการตรวจสอบเสียง ซึ่งเสียงที่ได้ยินตอน Windows เริ่มทำงาน เป็นการทดสอบเสียงและระบบ Windows ไปพร้อมกันสำหรับ  Windows XP นั้นก่อนจะเข้าไปใช้เครื่องจะต้องการการ log on จะมีหน้าจอให้คลิกเลือกผู้ใช้โดยระบุชื่อบัญชีผู้ใช้ (User account) และรหัสผ่าน (Password) ถ้ามี เพื่อจำกัดให้เฉพาะผู้ที่มีสิทธิเท่านั้นที่จะเข้าใช้เครื่องได้  ซึ่งการ log on ของ Windows XP นี้ผู้ใช้ไม่สามารถกดปุ่ม Cancel  หรือ Esc เพื่อผ่านเข้าไปเหมือนกับใน Windows 95/98 หรือ ME นอกจากนี้เมื่อ log on เข้าแล้วจะมีการจัดสรรเนื้อที่สำหรับ แต่ละ User แยกจากกันเป็นอิสระ  เช่น ข้อมูลในโฟลเดอร์ My document,เมนูปุ่ม Start และข้อมูลต่าง ๆ บนเดสก์ท็อปของแต่ละคนก็จะเป็นแต่ละชุดกัน


                        เทคนิคการใช้งานระบบ  MS windows xp  ช่วยให้ใช้ทำงานได้ง่ายขึ้น

ลบข้อมูลใน Page File หลังปิดเครื่องแล้ว
โดยปกติ Windows จะไม่ลบ Page File หลังขากที่ปิดโปรแกรมหรือ Windows นั่นหมายความว่า ถ้าเราใช้งานเครื่องมากๆ อาจจะทำให้เครื่องช้าลงได้
1. เข้าไปที่คีย์ HKEY_LOCAL_MACHINESystemCurrentControlSetControlSession ManagerMemory Management
2. ดับเบิลคลิกที่ ClearPageFileAtShutdown
3. พิมพ์ค่า 1 ลงไปใน Value data
4. คลิก OK แล้วบูตเครื่องใหม่ 

เพิ่มบัฟเฟอร์ให้คีย์บอร์ดและเมาส์
1. เข้าไปที่คีย์ HKEY_LOCAL_MACHINESYSTEMCurrentControlSetServicesKbdclassParameters
2. ดับเบิลคลิกที่ KeyboardDataQueueSize
3. แก้ค่า Value data เป็น 100
4. แล้วเลือกเป็น Decimal
5. คลิก OK
6. เข้าไปที่คีย์ HKEY_LOCAL_MACHINESYSTEMCurrentControlSetServicesMouclassParameters 7. ดับเบิลคลิกที่ MouseDataQueueSize
8. แก้ค่า Value data เป็น 100
9. แล้วเลือกเป็น Decimal
10 คลิก OK